หน้าเว็บ

.

กรรณิการ์

กรรณิการ์ (Nyctanthes arbor-tristis Linn.)




กรรณิการ์เป็นไม้ดอกหอม ที่มีปลูกในเมืองไทยมา ตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่า ผู้ใดนำเข้ามา

กรรณิการ์เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๒-๓ เมตร มีขนคายตามกิ่งก้านและใบ กิ่งมักเป็นสี่เหลี่ยม โดยเฉพาะกิ่งอ่อน ใบเดี่ยว ขนาด ๒.๕-๔ ซม. x ๕-๙ ซม. รูปไข่ หรือรูปใบหอกปลายใบแหลม ขอบใบเป็น รอยจักตื้นๆ ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ดอกสีขาวมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ ซม. ออกดอกเป็นช่อสั้น ทั้งที่ปลายกิ่ง และซอกใบ ดูผิวเผินคล้ายดอกมะลิ แต่มีขนาดเล็กกว่า เมื่อพิจารณาโดยละเอียดจะเห็นว่า ตัวหลอดกลีบดอกสีส้ม หรือสีแสด ปลายแยกเป็น ๕-๗ กลีบ กลีบบิดเวียนคล้ายกังหัน ปลายกลีบหยักเว้า เป็น ๒ แฉกไม่เท่ากัน กรรณิการ์จะออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ดอกบาน และมีกลิ่นหอมใน เวลากลางคืน และเช้าผลแบน รูปร่างค่อนข้างกลม ปลายผลมีติ่งแหลมเล็กน้อย ในแต่ละผลมีเมล็ด ๒ เมล็ด

ดอกกรรณิการ์มีทั้งความสวย และกลิ่นหอม คนไทยจึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกในที่ได้รับแสงแดดมาก และดินดี ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ดตอนกิ่ง และปักชำกิ่ง ชาวฮินดูถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มักปลูกไว้ ตามโบสถ์และใช้ดอกบูชาพระ คนไทยไม่ใช้ดอกกรรณิการ์บูชาพระ อาจเป็นเพราะดอกบานในเวลากลางคืน ไม่สะดวก ในการเก็บ พอตอนเช้าดอกก็จะร่วงอยู่ตามดิน คนไทยก็จะไม่เก็บมาบูชาพระอีก เพราะร่วงลงสู่พื้นแล้ว

หลอดกลีบดอกสีแสดใช้ย้อมผ้าไหมให้มีสีเหลือง หรือสีส้ม สวยงาม เปลือกมีสารฝาด และเป็นสมุนไพร ใช้ต้มดื่มเป็นยาแก้ปวดศีรษะ ใบใช้เป็นยาแก้ไข้และโรคปวดตามข้อ รากเป็นยาบำรุงกำลัง และยังสามารถสกัด น้ำมันหอมระเหยจากดอกนำไปใช้ทำน้ำหอมได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น